บราซิล ประกาศแผนยุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2030

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการ "ตัดไม้ทำลายป่า"พุ่งสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ดี หลัง “ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในเรื่องนี้จากการ "ตัดไม้" ที่มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และ ล่าสุด ผู้นำบราซิลประกาศแผนยุติการตัดไม้ทำลายป่าอย่างผิดกฎหมายในป่าแอมะซอนภายในปี 2030

หนุ่มโบลิเวียรอดตายในป่าแอมะซอน 31 วัน อาศัยกินหนอนประทังชีวิต

นักวิทย์เชื่อพบ “เชื้อราซอมบี้” สายพันธุ์ใหม่ ในป่าฝนบราซิล

ในงานสิ่งแวดล้อมโลกของรัฐบาลบราซิลที่กรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิลประธานาธิบดี “ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา” ได้ประกาศแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและควบคุมการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุดในนโยบายเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยรัฐบาลบราซิลจะประสานกับกระทรวงต่างๆ กว่า 10 กระทรวง รวมถึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับบันทึกข้อมูลและแกะรอย เช่น ภาพถ่ายทางดาวเทียมเพื่อระบุการตัดไม้ การทำปศุสัตว์และการทำเหมืองแบบผิดกฎหมาย

รวมถึงการใช้ฐานข้อมูลของรัฐบาลเพื่อติดตามธุรกรรมทางการเงินจากการดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตในป่าแอมะซอน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะพัฒนาระบบสำหรับพิสูจน์ที่มาของไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่อาจมาจากการทำลายระบบนิเวศอีกด้วย

นอกเหนือจากความพยายามในการกำจัดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับผืนป่าแอมะซอนแล้ว แผนดังกล่าวยังเสนอให้กำหนดมาตรฐานของโฉนดที่ดินและส่งเสริมให้ชุมชนพื้นเมืองทำการเกษตรแบบยั่งยืน รวมถึงทำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้ทดแทนในพื้นที่ป่าที่ถูกทำลาย

ประธานาธิบดีลูลา กล่าวว่า แผนปฏิบัติการล่าสุดนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องป่าแอมะซอนในบราซิลซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลสภาพอากาศของโลก ดังนั้นการหยุดการตัดป่าไม้ทำลายป่าจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางในการลดภาวะโลกร้อน

ป่าแอมะซอนมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และที่ผ่านมาป่าแห่งนี้ถูกคุกคามอย่างไรบ้าง

แอมะซอนเป็นป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมเขตแดน 9 ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่ราวร้อยละ 60 เป็นของประเทศบราซิล

ที่นี่เป็นพื้นป่าเขตร้อนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในโลก รวมถึงเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญ โดยประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณออกซิเจนบนโลกผลิตจากป่าแอมะซอน

อย่างไรก็ตาม แอมะซอนถูกรุกล้ำและทำลายอย่างหนักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จากกลุ่มอาชญากรและนโยบายของรัฐ

 บราซิล ประกาศแผนยุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2030

ในปี 2013 บราซิลเจอปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนจำนวนมากเผชิญกับความอดอยาก กฎหมายอนุรักษ์ผืนป่าแอมะซอนถูกผ่อนปรน

รวมถึงอนุญาตให้ชาวบ้านบุกรุกผืนป่าได้ในพื้นที่ขนาดเล็ก สิ่งที่ตามมาคือผืนป่ามากมายกลายมาเป็นเรือกสวนไร่นาและทุ่งเลี้ยงสัตว์

นอกเหนือจากการลักลอบตัดไม้แล้ว ป่าแอมะซอนยังเป็นเส้นทางหลักการลักลอบขนส่งยาเสพติด โดยเฉพาะในบริเวณหุบเขาจาวารีที่ติดพรมแดนสามด้านคือ เปรู โคลอมเบีย และบราซิล กลายเป็นพื้นที่ความขัดแย้งของกลุ่มค้ายาโคลอมเบียและบราซิลในการแย่งชิงเส้นทางลุ่มแม่น้ำแอมะซอนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เพื่อขนส่งโคเคนไปยังยุโรป และยังเป็นสมรภูมิรบของกองกำลังปราบปรามยาเสพติด

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าบางครั้งอาชญากรรมในป่าแอมะซอนอาจมีส่วนเชื่อมโยงกับการลักลอบขนส่งยาเสพติด

แก๊งค้ายาอาจลักลอบตัดไม้ หรือทำประมงผิดกฎหมายเพื่อฟอกเงิน การขนส่งไม้อาจเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อขนส่งยาเสพติดอย่างลับๆ

ทั้งนี้ อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในป่าแอมะซอนไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังทำให้ชุมชนพื้นเมืองต้องเผชิญภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มคนที่ต้องการทรัพยากรในพื้นที่ชนพื้นเมือง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกข่มขู่คุกคามอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งรุนแรงถึงขั้นถูกสังหาร โดยรายงานของ Global Witness ระบุว่า ในบราซิลระหว่างปี 2010-2020 มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 300 รายแล้ว จากปัญหาพิพาทเกี่ยวกับที่ดินและทรัพยากรที่ดินในป่าแอมะซอน

ครั้งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วประเทศ คือ การเสียชีวิตของ “บรูโน เปเรรา" ผู้เชี่ยวชาญด้านชนพื้นเมืองบราซิล และ “ดอม ฟิลลิปส์” นักข่าวชาวอังกฤษ จากการถูกฆาตกรรม

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว บรูโน เปเรรา และ ดอม ฟิลลิปส์ ได้หายตัวไปในบริเวณหุบเขาจาวารีของป่าแอมะซอน ระหว่างที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อเขียนหนังสือส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าแอมะซอน โดยพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่ง เนื่องจากเต็มไปด้วยการลักลอบทำประมง ทำเหมือง ตัดไม้ และล่าสัตว์ ไปจนถึงการลักลอบขนส่งโคเคน หลังจากเจ้าหน้าที่ค้นหาทั้งคู่นานกว่าสัปดาห์ ก็พบร่างไร้ชีวิตของพวกเขาถูกฝังอยู่ในป่า

หลายคนเชื่อว่าพวกเขาถูกฆาตกรรม เนื่องจากขัดขวางการทำประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ชนพื้นเมืองของคนกลุ่มหนึ่ง โดยขณะนี้ตำรวจของรัฐบาลกลางได้ตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนากับผู้ก่อเหตุ 2 ราย แต่ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 รายที่กำลังรอการไต่สวน คดีในครั้งนี้ยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วบราซิล เนื่องจากสะท้อนให้เห็นว่าผู้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชนพื้นเมืองและเพื่อป่าแอมะซอนไม่ได้รับการปกป้องใดๆ จากตำรวจหรือรัฐบาล จนถูกคุกคามถึงแก่ความตาย

และเมื่อวานนี้ถือเป็นวันครบรอบหนึ่งปีคดีฆาตกรรมบรูโน เปเรราและดอม ฟิลลิปส์ ครอบครัว เพื่อนๆ และชุมชนพื้นเมืองได้จัดงานรำลึกการเสียชีวิตให้พวกเขา ที่หาดโกปากาบานาในนครริโอ เดอ จาเนโร

นอกจากการกล่าวไว้อาลัยทั้งสองแล้ว พวกเขายังคงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับการเสียชีวิตของทั้งคู่ และกล่าวสนับสนุนให้ผู้คนในชุมชนพื้นเมืองปกป้องดินแดนของตนเอง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการให้เข้มงวดมากกว่านี้เพื่อปกป้องผืนป่าแอมะซอนและชุมชนพื้นเมือง

ขณะที่ ประธานาธิบดีลูลาก็พูดถึงบรูโน เปเรราและดอม ฟิลลิปส์ ในงานสิ่งแวดล้อมโลกเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า อยากให้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในช่วงเวลานี้ ที่รัฐบาลบราซิลเป็นมิตร กับพวกเขา พร้อมกล่าวว่า การเสียชีวิตของพวกเขาจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน